วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556



             หากพูดถึงเรื่องสวัสดิการของคนพิการทั่วไปในประเทศไทยก็จะเห็นชัดว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะสวัสดิการที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตประจำวันไม่ว่าเรื่องการศึกษา หรือการประกอบอาชีพ คนพิการก็ไม่ได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอและเหมาะสมเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ตัวอย่างเช่นประเทศสหรัฐอเมริกา คนพิการสามารถเข้าศึกษาในสถานศึกษาทั่วไปได้ตามปกติ หรือประกอบอาชีพได้ไม่ต่างกับคนทั่วไป เนื่องจากรัฐบาลได้สนับสนุนสื่อและเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับความต้องการตามลักษณะความพิการแต่ละประเภทได้อย่างทั่วถึง โดยรัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติคนพิการว่าด้วยเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานของคนพิการ หรือที่เรียกว่า “The Enactment Of The Americans With Disabilities”
                อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยในช่วงหลังมานี้ก็มีความกระตือรือร้นอยู่มิใช่น้อย โดยได้ออกพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 และได้มีการพัฒนาแก้ไขเพิ่มเติมตามความเหมาะสมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการไทยได้ดียิ่งขึ้น
                                                                                                                                    (วันทนีย์ พันธชาติ)


                แต่ในวันนี้ครับ ผมขอนำทุกคนมาเรียนรู้วิถีชีวิตของกลุ่มคนพิการกลุ่มหนึ่งที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้เหมือนกับเราๆท่านๆครับ พวกเขากลุ่มที่ว่านี้คือ “ผู้พิการทางสายตา” หรือเรียกแบบกันเองๆๆว่า “คนตาบอด” อย่างไงล่ะครับ

                หลายคนคงสงสัยว่าคนตาบอดจะมีการเรียนรู้ หรือสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างไร วันนี้ผมได้นำคนตาบอดมาแสดงความสามารถการใช้สื่อและเทคโนโลยีให้ประจักษ์แก่สายตาทุกคนครับ

                คุณจตุพล หนูท่าทอง หรือคุณโจ้ เจ้าหน้าที่ด้านไอทีของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยได้ให้สัมภาษณ์และสาธิตการใช้เทคโนโลยีของคนตาบอดในรายการไบลน์เดท ช่องไทยพีบีเอส

                 



                 คุณโจ้เริ่มสาธิตการใช้คอมพิวเตอร์ให้พวกเราได้ชมกัน ซึ่งทำให้คนทั่วไปตอบข้อสงสัยได้ว่าคนตาบอดสามารถใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างไร และคำตอบนั้นก็คือคอมพิวเตอร์ของคนตาบอดไม่ได้มีความแตกต่างไปกว่าคอมพิวเตอร์ของคนทั่วไปเลย เพียงแต่คอมพิวเตอร์ของคนตาบอดจะใส่โปรแกรมช่วยสังเคราะห์เสียง หรือโปรแกรม Jaws For Window เพื่อช่วยอ่านตัวหนังสือตามเคอร์เซอร์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้นเองครับ
                คุณโจ้ยังได้สาธิตการใช้ไอโฟนให้พวกเราได้ตื่นตาตื่นใจกันอีกด้วยครับ โดยได้สาธิตการใช้ไอโฟนสำหรับถ่ายรูป และการอ่านมูลค่าของธนบัตร


                นอกจากนั้นคุณโจ้ยังเป็นคนที่มีความมานะพยายามในการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองอีกด้วยครับ คุณโจ้ได้ใช้เวลาข้ามวันข้ามคืนในการประกอบคอมพิวเตอร์จนสำเร็จ ส่วนเรื่องที่เป็นเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยอื่นๆยังมีให้ชวนติดตามอีกมากมายทีเดียวครับ ถ้าผมจะบรรยายก็คงอีกหลายหน้ากระดาษ และที่สำคัญคนอื่นยังรอคิวให้โชว์อีกเยอะครับ ถ้าได้อ่านแล้วเกิดสนใจอย่างไรกรุณาใช้ปลายนิ้วของทุกท่านสัมผัสเม้าส์เบาๆตรงลิงค์ข้างล่างที่เห็นนี้ได้เลยครับ



                หลัง จากได้รับชมกันแล้วคงจะเห็นความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยีที่สามารถให้คนคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนว่าด้อยโอกาสกับเทคโนโลยีสมัยใหม่แต่กลับมีโอกาสใช้เทคโนโลยี เพื่อการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้โลกที่ดูมืดมนของพวกเขากลับสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง


             
                                ดูหน้าคุณโจ้มานานก็คงจะเบื่อ...แล้วนะครับ คราวนี้เรามาดูอีกหนึ่งตัวอย่างกันดีกว่าครับ

                คุณยงสิทธิ์ ยงกมล หรือน้องนิล นักไวโอลินฝีมือเอกที่มีความมุ่งมั่นในการจัดทำเว็บออนไลน์ไลเบอรี่ เพื่อเป็นแหล่งจัดเก็บตัวโน้ตที่เป็นอักษรเบรลล์ในรูปแบบเอกสารอิเลกโทรนิกส์ ถึงแม้ว่าสายตาจะมองไม่เห็น แต่ความตั้งใจที่จะนำตัวโน้ตปกติมาแปลงใส่ในโปรแกรมสังเคราะห์เสียง เพื่อจัดพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์อักษรเบรลล์ให้คนตาบอดทั่วไปได้สัมผัส และการเล่นบทเพลงอันไพเราะต่างๆได้อย่างถูกต้องตามหลักสากล


                            
                          ความยิ่งใหญ่และความอัจฉริยะของน้องนิลจะเป็นอย่างไรเชิญผู้สนใจติดตามได้เลยครับ


                เป็น อย่างไรบ้างครับ หลังจากเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงที่น้องนิลได้ขับกล่อม และความมุ่งมั่นที่จะจัดทำตัวโน้ตอักษรเบรลล์รูปแบบอิเลกโทรนิกส์ ต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างสุดท้ายแล้วครับที่จะทำให้พวกเราทุกคนเข้าใจถึงการ เรียนรู้ของคนตาบอดฉบับเต็มรูปแบบที่ใครได้ชมแล้วสามารถพูดได้เลยว่า “ครบเครื่องเรื่องตาบอด” อย่างแท้จริง

                รายการ “กบนอกกะลา” ตอน “เข็มทิศในโลกมืด” ได้บอกถึงการใช้สื่อและเทคโนโลยีตลอดจนเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่ช่วย เป็นเข็มทิศให้คนที่อยู่ในโลกมืดสามารถรับรู้ได้ทัดเทียมเหมือนกับคนทั่วไป





                เริ่มด้วยวัยเด็กเล็กที่จำเป็นต้องฝึกอ่าน ฝึกเขียนเบรลล์ โดยใช้แป้นหมุด และลูกบิดเบรลล์มาเป็นอุปกรณ์ช่วยสอน เมื่อโตขึ้นก็เริ่มเรียนรู้การใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม เช่น ไม้เท้าขาวอุปกรณ์คู่กายไว้ใช้นำทางของคนตาบอด เครื่องคิดเลขมีเสียง นาฬิกามีเสียง และอื่นๆ เป็นต้น

                นอกจากนั้นเราจะมารู้จักหนังสือเสียงซึ่งมีแหล่งที่มาจากธารน้ำใจของกลุ่มเพื่อนอาสาสมัครได้มาบริจาคเสียงไว้ในแผ่นซีดี และยังได้จัดเก็บไว้ในระบบโทรศัพท์ให้คนตาบอดได้สามารถอ่านหนังสือเสียงที่บ้านได้อีกด้วย และสุดท้ายที่ผมไม่อยากให้พลาดก็คือกว่าจะเป็นหนังสือเบรลล์ที่จะบอกทุกขั้นตอนจนเป็นหนังสือเบรลล์ที่หนาเทอะทะให้คนตาบอดได้อ่านกัน




               ชักจะเริ่มสนใจแล้วใช่ไหมครับ ถ้าอย่างไรดับเบิลคลิ๊กทั้งสองลิงค์กับสองตอนจบใน “กบนอกกะลา” ตอน “เข็มทิศในโลกมืด” ได้เลยครับ


http://tv.ohozaa.com/player/HbF3/

                จาก ตัวอย่างทั้งหมดที่ผมได้นำมาให้ชมนั้นย่อมแสดงให้เห็นชัดว่าสื่อและ เทคโนโลยีถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงศักยภาพของมนุษย์ กล่าวคือสามารถพัฒนาขีดความสามารถในการดำรงชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น สื่อและเทคโนโลยีก็ถือว่าเป็นตัวเสริมแรงที่ดีเยี่ยมต่อการเอื้ออำนวย ประโยชน์ให้มีคุณภาพชีวิตที่สอดคล้องกับกลุ่มคนทั่วไปในสังคมได้ดี

                เพราะ ฉะนั้นหากหน่วยงานรัฐบาลจะมีโครงการช่วยสนับสนุนสื่อและเทคโนโลยีแก่คนกลุ่ม นี้ก็จะส่งผลให้พวกเขาสามารถรับรู้ข้อมูลได้ทันต่อเหตุการณ์ และทัดเทียมกับคนอื่นๆทั่วไปในสังคม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น