หากพูดถึงเรื่องสวัสดิการของคนพิการทั่วไปในประเทศไทยก็จะเห็นชัดว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ
โดยเฉพาะสวัสดิการที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตประจำวันไม่ว่าเรื่องการศึกษา
หรือการประกอบอาชีพ
คนพิการก็ไม่ได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอและเหมาะสมเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
ตัวอย่างเช่นประเทศสหรัฐอเมริกา
คนพิการสามารถเข้าศึกษาในสถานศึกษาทั่วไปได้ตามปกติ
หรือประกอบอาชีพได้ไม่ต่างกับคนทั่วไป
เนื่องจากรัฐบาลได้สนับสนุนสื่อและเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับความต้องการตามลักษณะความพิการแต่ละประเภทได้อย่างทั่วถึง
โดยรัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติคนพิการว่าด้วยเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานของคนพิการ
หรือที่เรียกว่า “The Enactment Of The Americans With
Disabilities”
อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยในช่วงหลังมานี้ก็มีความกระตือรือร้นอยู่มิใช่น้อย
โดยได้ออกพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 และได้มีการพัฒนาแก้ไขเพิ่มเติมตามความเหมาะสมอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการไทยได้ดียิ่งขึ้น
(วันทนีย์
พันธชาติ)
แต่ในวันนี้ครับ
ผมขอนำทุกคนมาเรียนรู้วิถีชีวิตของกลุ่มคนพิการกลุ่มหนึ่งที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้เหมือนกับเราๆท่านๆครับ
พวกเขากลุ่มที่ว่านี้คือ “ผู้พิการทางสายตา” หรือเรียกแบบกันเองๆๆว่า “คนตาบอด”
อย่างไงล่ะครับ
หลายคนคงสงสัยว่าคนตาบอดจะมีการเรียนรู้
หรือสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างไร วันนี้ผมได้นำคนตาบอดมาแสดงความสามารถการใช้สื่อและเทคโนโลยีให้ประจักษ์แก่สายตาทุกคนครับ
คุณจตุพล
หนูท่าทอง หรือคุณโจ้ เจ้าหน้าที่ด้านไอทีของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยได้ให้สัมภาษณ์และสาธิตการใช้เทคโนโลยีของคนตาบอดในรายการไบลน์ดเดท ช่องไทยพีบีเอส
คุณโจ้เริ่มสาธิตการใช้คอมพิวเตอร์ให้พวกเราได้ชมกัน
ซึ่งทำให้คนทั่วไปตอบข้อสงสัยได้ว่าคนตาบอดสามารถใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างไร
และคำตอบนั้นก็คือคอมพิวเตอร์ของคนตาบอดไม่ได้มีความแตกต่างไปกว่าคอมพิวเตอร์ของคนทั่วไปเลย
เพียงแต่คอมพิวเตอร์ของคนตาบอดจะใส่โปรแกรมช่วยสังเคราะห์เสียง หรือโปรแกรม Jaws For Window เพื่อช่วยอ่านตัวหนังสือตามเคอร์เซอร์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้นเองครับ
คุณโจ้ยังได้สาธิตการใช้ไอโฟนให้พวกเราได้ตื่นตาตื่นใจกันอีกด้วยครับ
โดยได้สาธิตการใช้ไอโฟนสำหรับถ่ายรูป และการอ่านมูลค่าของธนบัตร
นอกจากนั้นคุณโจ้ยังเป็นคนที่มีความมานะพยายามในการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองอีกด้วยครับ
คุณโจ้ได้ใช้เวลาข้ามวันข้ามคืนในการประกอบคอมพิวเตอร์จนสำเร็จ
ส่วนเรื่องที่เป็นเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยอื่นๆยังมีให้ชวนติดตามอีกมากมายทีเดียวครับ ถ้าผมจะบรรยายก็คงอีกหลายหน้ากระดาษ
และที่สำคัญคนอื่นยังรอคิวให้โชว์อีกเยอะครับ
ถ้าได้อ่านแล้วเกิดสนใจอย่างไรกรุณาใช้ปลายนิ้วของทุกท่านสัมผัสเม้าส์เบาๆตรงลิงค์ข้างล่างที่เห็นนี้ได้เลยครับ
หลัง
จากได้รับชมกันแล้วคงจะเห็นความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยีที่สามารถให้คนคนหนึ่ง
ที่ดูเหมือนว่าด้อยโอกาสกับเทคโนโลยีสมัยใหม่แต่กลับมีโอกาสใช้เทคโนโลยี
เพื่อการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งทำให้โลกที่ดูมืดมนของพวกเขากลับสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง
ดูหน้าคุณโจ้มานานก็คงจะเบื่อ...แล้วนะครับ
คราวนี้เรามาดูอีกหนึ่งตัวอย่างกันดีกว่าครับ
คุณยงสิทธิ์
ยงกมล หรือน้องนิล
นักไวโอลินฝีมือเอกที่มีความมุ่งมั่นในการจัดทำเว็บออนไลน์ไลเบอรี่
เพื่อเป็นแหล่งจัดเก็บตัวโน้ตที่เป็นอักษรเบรลล์ในรูปแบบเอกสารอิเลกโทรนิกส์
ถึงแม้ว่าสายตาจะมองไม่เห็น แต่ความตั้งใจที่จะนำตัวโน้ตปกติมาแปลงใส่ในโปรแกรมสังเคราะห์เสียง
เพื่อจัดพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์อักษรเบรลล์ให้คนตาบอดทั่วไปได้สัมผัส และการเล่นบทเพลงอันไพเราะต่างๆได้อย่างถูกต้องตามหลักสากล
ความยิ่งใหญ่และความอัจฉริยะของน้องนิลจะเป็นอย่างไรเชิญผู้สนใจติดตามได้เลยครับ
เป็น
อย่างไรบ้างครับ
หลังจากเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงที่น้องนิลได้ขับกล่อม
และความมุ่งมั่นที่จะจัดทำตัวโน้ตอักษรเบรลล์รูปแบบอิเลกโทรนิกส์
ต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างสุดท้ายแล้วครับที่จะทำให้พวกเราทุกคนเข้าใจถึงการ
เรียนรู้ของคนตาบอดฉบับเต็มรูปแบบที่ใครได้ชมแล้วสามารถพูดได้เลยว่า
“ครบเครื่องเรื่องตาบอด” อย่างแท้จริง
รายการ
“กบนอกกะลา” ตอน “เข็มทิศในโลกมืด”
ได้บอกถึงการใช้สื่อและเทคโนโลยีตลอดจนเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่ช่วย
เป็นเข็มทิศให้คนที่อยู่ในโลกมืดสามารถรับรู้ได้ทัดเทียมเหมือนกับคนทั่วไป
เริ่มด้วยวัยเด็กเล็กที่จำเป็นต้องฝึกอ่าน
ฝึกเขียนเบรลล์ โดยใช้แป้นหมุด และลูกบิดเบรลล์มาเป็นอุปกรณ์ช่วยสอน เมื่อโตขึ้นก็เริ่มเรียนรู้การใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม
เช่น ไม้เท้าขาวอุปกรณ์คู่กายไว้ใช้นำทางของคนตาบอด เครื่องคิดเลขมีเสียง
นาฬิกามีเสียง และอื่นๆ เป็นต้น
นอกจากนั้นเราจะมารู้จักหนังสือเสียงซึ่งมีแหล่งที่มาจากธารน้ำใจของกลุ่มเพื่อนอาสาสมัครได้มาบริจาคเสียงไว้ในแผ่นซีดี
และยังได้จัดเก็บไว้ในระบบโทรศัพท์ให้คนตาบอดได้สามารถอ่านหนังสือเสียงที่บ้านได้อีกด้วย
และสุดท้ายที่ผมไม่อยากให้พลาดก็คือกว่าจะเป็นหนังสือเบรลล์ที่จะบอกทุกขั้นตอนจนเป็นหนังสือเบรลล์ที่หนาเทอะทะให้คนตาบอดได้อ่านกัน
ชักจะเริ่มสนใจแล้วใช่ไหมครับ
ถ้าอย่างไรดับเบิลคลิ๊กทั้งสองลิงค์กับสองตอนจบใน “กบนอกกะลา” ตอน “เข็มทิศในโลกมืด”
ได้เลยครับ
จาก
ตัวอย่างทั้งหมดที่ผมได้นำมาให้ชมนั้นย่อมแสดงให้เห็นชัดว่าสื่อและ
เทคโนโลยีถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงศักยภาพของมนุษย์
กล่าวคือสามารถพัฒนาขีดความสามารถในการดำรงชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง
ขึ้น
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
สื่อและเทคโนโลยีก็ถือว่าเป็นตัวเสริมแรงที่ดีเยี่ยมต่อการเอื้ออำนวย
ประโยชน์ให้มีคุณภาพชีวิตที่สอดคล้องกับกลุ่มคนทั่วไปในสังคมได้ดี
เพราะ
ฉะนั้นหากหน่วยงานรัฐบาลจะมีโครงการช่วยสนับสนุนสื่อและเทคโนโลยีแก่คนกลุ่ม
นี้ก็จะส่งผลให้พวกเขาสามารถรับรู้ข้อมูลได้ทันต่อเหตุการณ์
และทัดเทียมกับคนอื่นๆทั่วไปในสังคม